
1. เน้น “ฟัง” มากกว่า “ขาย” (Focus on Need, Not Stock)
เอเจนต์ที่ดีควรเริ่มต้นด้วยการ ฟังความต้องการของคุณ (งบประมาณ, ทำเล, ประเภททรัพย์) ไม่ใช่การยัดเยียดทรัพย์สินที่มีอยู่ในมือของเขาเอง หากคุณบอกงบ 3 ล้าน แต่เขาเสนอบ้าน 8 ล้าน นั่นแสดงว่าเขา สนใจแค่การปิดดีลของตัวเอง ไม่ได้สนใจความต้องการที่แท้จริงของคุณ
2. ไม่กดดันให้ “ต้องจองวันนี้” (Give Space, Avoid FOMO)
ระวังเอเจนต์ที่ใช้ประโยคกดดัน เช่น “ห้องนี้คนอื่นเล็งอยู่” หรือ “ลูกค้าจะวางมัดจำตอนบ่าย” การเร่งรัดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาแพงในทันทีด้วยกลยุทธ์ FOMO (Fear of Missing Out) เป็นสัญญาณที่ไม่ดี หากดีลนั้นดีจริงและราคาสมเหตุสมผล ไม่จำเป็นต้องบีบบังคับลูกค้า ให้เวลาลูกค้าในการคิดและตัดสินใจเสมอ
3. ให้ข้อมูลละเอียดรอบด้าน (Beyond the Basic Specs)
เอเจนต์ที่ใช่ไม่ใช่แค่คนท่องจำสเปคบ้าน (พื้นที่, ห้องนอน, ห้องน้ำ) แต่ต้องมี ชุดข้อมูลที่ครอบคลุม และตอบคำถามจุกจิกได้ หรือสามารถค้นหาข้อมูลมาให้ได้อย่างรวดเร็ว เช่น ค่าโอน, ค่าจดจำนอง, ค่าส่วนกลาง, ข้อกำหนดผังเมือง หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ลูกค้าก็ควรตรวจสอบข้อมูลเพื่อรีเช็กความแม่นยำของเอเจนต์ด้วยตนเองเสมอ
4. พร้อมร่วม “เคียงบ่าเคียงไหล่” จนถึงวันโอน (Full-Service Commitment)
เอเจนต์ที่ดีคือผู้ที่ พร้อมพาคุณไปดูบ้านจริง และคอย เตือนสติ ให้คุณพิจารณาทรัพย์อย่างรอบคอบ ไม่ใช่การโยนเบอร์เจ้าของบ้านให้คุณไปคุยเอง เอเจนต์ต้องอยู่กับคุณตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ:
• ช่วย ไฟต์เรื่อง Defect ของบ้าน
• ช่วยเจรจา Condition Term และเงื่อนไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
• ประสานงานเพื่อให้ได้ ดีลที่ลงตัว และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
5. ซื่อสัตย์และไม่หมกเม็ดข้อมูล (Transparency is Key)
ความซื่อสัตย์คือสิ่งสำคัญที่สุด เอเจนต์ต้อง แจ้งข้อเสียหรือข้อควรระวังของบ้าน ให้คุณทราบอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง น้ำซึม, สถานะการฟ้องร้อง, ความเสี่ยงเรื่องการเวนคืน หรือปัญหาอื่น ๆ ก่อนการเซ็นสัญญาใด ๆ รวมถึงการประสานงานให้เจ้าของบ้านส่งมอบบ้านที่พร้อมอยู่ตามที่ตกลงกัน
6. มีไหวพริบในการเจรจาต่อรอง (Negotiation Skill)
เอเจนต์ต้องทำหน้าที่เป็น “นักเจรจาต่อรอง” ที่ดี ไม่ใช่แค่ “คนส่งสาร” ที่คอยแคปหน้าจอคำพูดของอีกฝ่ายมาให้ดู การเจรจาต่อรองต้องมีชั้นเชิงเพื่อช่วยให้คุณได้ ราคาที่สมเหตุสมผล ไม่ใช่ยอมตามเจ้าของทรัพย์ไปเสียทุกอย่าง หรือตอบทันทีว่า “ลดไม่ได้เลยค่ะ”
7. มีรีวิว ผลงาน และโปรไฟล์ที่ชัดเจน (Check the Proof)
ยุคนี้ต้องเช็กประวัติ! ตรวจสอบรีวิว ผลงาน และชื่อเสียงของเอเจนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ดูว่า:
• มีใครชม หรือมีใครเตือนหรือไม่?
• เขา ทำงานนี้เป็นงานหลัก (Full-Time) หรือไม่? (ถ้าวันนี้ขายบ้าน พรุ่งนี้ขายครีม อาจบ่งบอกถึงการขาดความเชี่ยวชาญ)
• โปรไฟล์ส่วนตัว มี Engagement ที่แท้จริงกับวงการอสังหาฯ หรือไม่?
8. ค่าดำเนินการชัดเจน ไม่มีอะไรแอบแฝง (Clear Fees)
โดยปกติ คนซื้อ ไม่ต้องจ่ายคอมมิชชันให้เอเจนต์ (เจ้าของบ้านเป็นผู้จ่าย) หากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากคอมมิชชันมาตรฐาน (เช่น ค่ารถ/ค่าเดินทางในการขอเอกสารราชการ) เอเจนต์ที่ดีจะต้อง แจ้งล่วงหน้าอย่างละเอียด ไม่ใช่ยื่นบิล “ค่าดำเนินการ” ในตอนท้าย
9. จริตและสไตล์การทำงาน “คลิก” กัน (Personal Chemistry)
เลือกเอเจนต์ที่มี บุคลิกและสไตล์การทำงานที่เข้ากับจริตของคุณ หากคุณเป็น สายข้อมูล/วิเคราะห์ ควรเลือกเอเจนต์ที่แน่นข้อมูล ถามมาตอบได้เหมือน “อับดุล” หากคุณไม่ชอบการถูกเร่งปิดการขาย ก็ควรหลีกเลี่ยงเอเจนต์ที่พยายามกระตุ้น Emotional ในการตัดสินใจ การทำงานร่วมกับเอเจนต์ที่ดีคือการมีเพื่อนร่วมทางที่เข้ากันได้ตลอดกระบวนการสำคัญนี้
